1. ค่าเครื่องบิน
แน่นอนว่าการจะไปเที่ยวมัลดีฟได้นั้น อันดับแรกก็ต้องมีตั๋วเครื่องบินกันก่อน โดยสายการบินที่คนส่วนใหญ่มักเลือกใช้บริการนั่นก็คือ สายการบิน Srilankan สายการบิน Bangkok Airways และสายการบิน Air Asia โดยสายการบิน Bangkok Airways และสายการบิน Air Asia ก็จะเป็นสายการบินที่บินตรงจากไทยไปมัลดีฟเลย ซึ่งจะใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 4 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นสายการบิน Srilankan ก็จะมีการพักเครื่องที่ศรีลังกาก่อนจึงใช้เวลาในการบินมากกว่าอีกสองสายการบิน
ส่วนถ้าหากใครชอบนั่งเครื่องบินแบบสบายๆ แนะนำเป็น สายการบิน Srilankan และสายการบิน Bangkok Airways ถึงจะมีราคาค่อนข้างสูงแต่จะเป็นการให้บริการแบบ Full-service หรือถ้าใครอยากประหยัดงบหน่อยก็จะแนะนำเป็นสายการบิน Air Asia แต่ก็จะมีข้อจำกัดด้านการบริการบางอย่างบนเครื่อง สำหรับราคาก็อาจจะมีการผันผวนไปตามช่วงเวลา ถ้าหากเป็นวันหยุดก็อาจจะมีราคาสูงขึ้นมาหน่อย แนะนำว่าถ้าใครวางแผนเที่ยวไว้แน่นอนแล้วก็ให้รีบจองตั๋วเครื่องบินเลย จะทำให้ได้ราคาถูกกว่าไปจองใกล้ๆวัน
2. ค่าเรือ หรือ Sea Plane
เนื่องจากมัลดีฟจะมีลักษณะภูมิประเทศที่เป็นเกาะ ดังนั้นการจะเดินทางไปไหนมาไหนจึงต้องอาศัยเรือเป็นหลัก อย่างเช่นการจะเดินทางจากสนามบินมาที่พักก็ต้องเดินทางด้วยเรือ ซึ่งก็จะมีแบบ เรือ Ferry และ เรือ Speed Boat โดยเรือ Ferry ก็จะราคาค่อนข้างถูก แต่ยังไงก็ควรต้องเช็คตารางเวลาและเส้นทางให้ดีก่อน เพราะเรือ Ferry ก็อาจจะไม่ได้ผ่านบางที่ ส่วนการเดินทางด้วยเรือที่เป็นแบบ Speed Boat ก็จะมีราคาที่สูงแต่ก็จะสะดวกและรวดเร็วกว่า นอกจากนี้บางเกาะซึ่งตั้งอยู่ไกลจากสนามบินมาเล่ ก็อาจจะต้องเดินทางด้วย Sea Plane ทำให้ค่าใช้จ่ายจะสูงขึ้น และใช้เวลาในการเดินทางนานขึ้น เพราะจะต้องรอช่วงเวลา transit
3.ค่าที่พัก
สำหรับการเลือกที่พักคงเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการไปเที่ยวมัลดีฟ เพราะไหนๆก็อุตส่าห์เสียค่าเครื่องบิน ค่าเรือมาไกลถึงมัลดีฟ จะให้พักรีสอร์ตธรรมดาๆก็คงจะไม่ได้ ดังนั้น จึงอยากแนะนำให้พักที่คลับเมด คานิ มัลดีฟส์ และ คลับเมด ฟิโนลูห์ วิลล่าส์ มัลดีฟส์ ซึ่งทั้งสองที่นี้ก็จะมีห้องพักให้เลือกทั้งแบบพักบนฝั่งชมวิวชายหาดสวยๆ หรือแบบกลางน้ำดื่มด่ำกับบรรยากาศทะเลอันแสนงดงามและหาดทรายสีขาวนวลตา เป็นที่พักที่เหมาะสำหรับคู่รักที่อยากมาฮันนีมูนท่ามกลางบรรยากาศสุดแสนโรแมนติกหรือครอบครัวที่อยากจะมาสร้างประสบการณ์อันน่าจดจำ รับประกันเลยว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
4.ค่าอาหาร
ราคาอาหารบนเกาะมัลดีฟจะมีราคาค่อนข้างสูง สำหรับคนที่ชอบรับประทานอาหารก็อาจจะต้องเตรียมงบสำหรับส่วนนี้ไปเยอะหน่อย แต่ทางที่ดีที่สุดแนะนำให้ซื้อแพ็กเกจแบบ All-Inclusive ที่รวมทั้งค่าที่พัก ค่าอาหารและค่าเครื่องดื่มไว้ในราคาเดียวแล้ว เพราะคุ้มกว่าแน่นอน เรียกได้ว่าถ้าไปมัลดีฟแบบ All-Inclusive ก็แทบไม่ต้องพกเงินสดสำหรับจ่ายค่าอาหารเลย และแพ็กเกจนี้ก็จะรวมทั้งอาหารเช้า อาหารกลางวัน และอาหารเย็น อร่อยแบบไม่ต้องยั้งกับเมนูอาหารบุฟเฟต์ ท่ามกลางบรรยากาศดีๆ หมดห่วงว่าจะต้องมานั่งคำนวณค่าอาหารแต่ละมื้อ
ทั้งนี้รีสอร์ตส่วนใหญ่ในมัลดีฟจะมีแพ็กเกจแบบ Full Board ที่รวมอาหารและเครื่องดื่มไว้แล้ว แต่มีข้อจำกัดที่การให้บริการเฉพาะในช่วงเวลาของมื้ออาหาร เท่านั้น ขณะที่บริการแบบ all-inclusive อาหารมีในช่วงมื้ออาหาร แต่มีของว่าง ส่วนเครื่องดื่มมีไม่อั้น ให้บริการตลอดวัน
5.ค่าทำกิจกรรม
ทีเด็ดอีกอย่างหนึ่งของมัลดีฟนอกจากจะเป็นวิวทะเลสวยๆแล้วก็คือ กิจกรรมต่างๆบนเกาะแห่งนี้ เพราะที่มัลดีฟมีกิจกรรมสนุกๆให้คุณได้ลองมาเปิดประสบการณ์ใหม่ๆเพียบ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมทางน้ำอย่างการแล่นเรือใบไปตามเกลียวคลื่น การดำน้ำชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติอันล้ำค่า การเล่นสกีน้ำและการพายเรือคายัก หรือว่าจะเป็นกิจกรรมบนบกสุดแสนจะตื่นเต้นอย่างฟลายอิ้ง ทราพีซ ซึ่งค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละรีสอร์ต
แต่ถ้าใครไม่อยากกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายด้านกิจกรรม เราขอแนะนำให้มาพักที่คลับเมด เพราะที่นี้นอกจากที่พักจะสวยงามแล้ว ยังมีกิจกรรมให้ทำมากมาย แถมไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายด้านนี้ เนื่องจากที่คลับเมดรวมทุกอย่างไว้ให้แล้ว